20 กุมภาพันธ์ 2553

การประเมินพัฒนาการของเด็ก


ให้ใส่เครื่องหมายใน( ) ที่อยู่ด้านหลังของพัฒนาการเด็กแต่ละอายุ

หมายเหตุ / = ทำได้

x = ทำไม่ได้

- = ประเมินไม่ได้


พฤติกรรมใดที่ประเมินแล้ว เด็กทำไม่ได้ตามวัย ผู้ปกครองและครูผู้ดูแลเด็กควรช่วยสอน และฝึกหัดให้เด็กดังนี้

อนามัย 49 (พัฒนาการเด็กปฐมวัย)

1. แรกเกิด-อายุต่ำกว่า 1 เดือน

- มองหน้า สบตา ( )

- ตอบสนองต่อเสียงพูดทำเสียงในคอ ( )

2. อายุ 1-2 เดือน

- สนใจและมองหาเสียงทำเสียงอูอาโต้ตอบ ( )

- มองตามสิ่งที่เคลื่อนไหว ( )

- ชันคอในท่าคว่ำ ( )


3. อายุ 3-4 เดือน

- หันหาเสียง ( )

- หัวเราะได้ ( )

- ส่งเสียงอ้อแอ้โต้ตอบ ( )

- มองตามจากด้านหนึ่งจนสุดอีกด้านหนึ่ง ( )

- ในท่าคว่ำใช้แขนยันชูคอตั้ง 90 องศา ( )


4. อายุ 5-6 เดือน

- แสดงอารมณ์และท่าทาง เช่น ดีใจ ขัดใจ ( )

- หันตามเสียงเรียอชื่อ ( )

- ส่งเสียงสูงๆ ต่ำๆ ( )

- คว้าของมือเดียวและเปลี่ยนมือถือของได้ ( )


5. อายุ7-8 เดือน

- ทำเสียงพยางค์เดียวเช่น จ๊ะ หม่ำ ( )

- มองตามของตก ( )

- นั่งทรงตัวได้เองโดยไม่ต้องใช้มือยัน ( )


6. อายุ 9-10 เดือน

- เล่นจ๊ะเอ๋ ( )

- ใช้ท่าทางหรือการชี้บอกความต้องการ ( )

- ใช้นิ้วและนิ้งหัวแม่มือหยิบของ ( )

- เกาะยืนและเหนี่ยวตัวลุกขึ้นยืนจากท่านั่ง ( )


7. อายุ 11-12 เดือน

- เลียนแบบท่าทาง ( )

- เข้าใจเสียงห้ามและหยุดทำ ( )

- ยืนเองได้ชั่วครู่หรือตั้งไข่ ( )


8. อายุ13-15 เดือน

- ทำตามคำบอกง่ายๆ ( )

- พุดคำที่มีความหมายได้ 1-3 คำ ( )

- เดินเองได้ ( )


9. อายุ16-18 เดือน

- รู้จักปฏิเสธ ( )

- ทำตามคำสั่งง่ายๆ ( )

- วางของซ้อนกัน 2-3 ชั้น ( )


10. อายุ19-24 เดือน

- พูดคำ2คำต่อกันอย่างมีความหมาย ( )

- เปิดหน้าหนังสือได้ทีละหน้า ( )


11. อายุ25-30 เดือน

- พูดคุยโต้ตอบเมินประโยคสั้นๆ ( )

- ชี้หรือทำตามคำบอก เช่น ชี้อวัยวะอย่างน้อย 6 ส่วน ( )

- ขีดเป็นเส้นวนๆ ( )


12. อายุ31-36 เดือน

- รู้จักรอคอย ( )

- บอกชื่อตนเองได้ ( )

- เข้าใจเพศชาย-หญิง ( )


13. อายุ37-48 เดือน

- บอกได้อย่างน้อย 1 สี ( )

- เขียนวงกลมตามแบบได้ ( )

- พูดเล่าเรื่องให้คนอื่นเข้าใจเกือบหมด ( )


14. อายุ49-60 เดือน

- เข้าใจ และอธิบายเหตุผลง่าย ( )

- นับและรู้จำนวน 1-5 ( )

- บอกสีได้ 4 สี ( )

- วาดรูปคนอย่างง่าย ( )


15. อายุ61-72 เดือน

- รู้จักซ้าย ขวา ข้างบน ข้างใต้ ข้างหน้า ข้างหลัง ( )

- รู้จำนวน 1-10 ชิ้น ( )

- วาดรูปสามเหลี่ยม ( )

10 ธันวาคม 2552







พลตรีรัฐนันไชย น้อยอิ่มใจ พร้อมด้วยคณะทำงานโครงการสร้างหลักสูตรประกันกองทัพบกได้มา
ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552



ครูสาธิดา ธรรมแท้
ได้เข้าร่วมงาน "รวมพลังวิทยากรสานสายใยรัก" และร่วมรับเสด็จ พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายา
ในวันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2552 เวลา11.00-17.00 น. ณ.ห้องเจ้าพระยา อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร



















ครูสาธิดา ธรรมแท้ และ ครูจิรารัตน์ ชาวดง ได้ร่วมอบรมวิทยากรกระบวนการสายใยรัก โครงการเล่านิทาน อ่านและเล่นกับลูก ภายใต้โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม 2552 ณ. ศูนย์การเรียนรู้โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว จังหวัดราชบุรี

02 ธันวาคม 2552

โรคที่มากับหน้าหนาว

โรคที่มากับหน้าหนาว

ฤดูหนาวปีที่แล้ว ตั้งแต่เดือน พ.ย.50 – ก.พ.51 มีผู้ป่วยจากโรคฤดูหนาวรวมกันทั่วประเทศราว 5 แสนกว่าคน ด้วยโรคขาประจำ 6 โรคอย่าง อุจจาระร่วง ปอดบวม อีสุกอีใส ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด และหัดเยอรมัน ซึ่งแต่ละโรคนั้นล้วนทำให้มีผู้เสียชีวิตมาแล้วทั้งสิ้น 300 กว่าคน
ปีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาแจ้งเตือน และให้ระมัดระวังการเกิดโรคเหล่านี้ ทั้งนี้ นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม อีสุกอีใส หัด และหัดเยอรมัน เป็นโรคติดต่อกันได้ผ่านการไอ จาม และการใช้สิ่งของร่วมกัน คุณหมอยังได้ให้วิธีการรู้จักสังเกตโรคแต่ละชนิดด้วยตัวเองง่าย ๆ ดังนี้
อุจจาระร่วง โรคฮิตตั้งแต่ฤดูร้อนจนฤดูหนาว แม้ไม่ร้อนไม่หนาว ก็สามารถเป็นได้ถ้าไม่ระวัง แต่สำหรับอุจจาระร่วงหน้าหนาวนั้น มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ติดต่อโดยการดื่มหรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป หรืออาจติดต่อกันทางน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ป่วยได้ ดังนั้นหากเด็กในบ้าน ถ่ายเหลว ควรให้กินอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้มน้ำแกงจืด หรือดื่มนมแม่
แม้ว่าจะเกิดกับเด็กเล็ก ๆ แต่ผู้ใหญ่ก็อย่าได้วางใจ หมั่นดูแลสุขลักษณะอาหารและร่างกายเราด้วยนะจ๊ะ

ปอดบวม เป็นได้ทุดเพศทุกวัย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ หรือรา ทำให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจ ภาวะถุงลมในปอดเกิดอักเสบมีของเหลวไหลท่วม ผู้ป่วยจะมีอาการทั่วไปได้แก่ ไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง หายใจหอบ เหนื่อยง่าย โดยโรคนี้เป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตในผู้สูงอายุ แพทย์จะสามารถวินิจได้โดยการเอ็กซ์เรย์และการตรวจเสมหะ ส่วนวิธีรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค
อีสุกอีใส มักเกิดขึ้นในเด็ก แต่เมื่อเป็นโรคนี้แล้วจะมีภูมิต้านทานไปตลอดชีวิต อาการจะเริ่มด้วยไข้ต่ำ ๆ ต่อมาจะมีผื่นขึ้นที่หนังศีรษะ หน้า ตามตัว โดยเริ่มเป็นผื่นแดงตุ่มตื่น แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มพองใสหลังมีไข้ 2-3 วัน จากนั้นจะเป็นตุ่มหนอง และแห้งตกสะเก็ดและหลุดออกเองประมาณ 5-20 วัน
ไข้หวัดใหญ่ โรคฮิตอีก 1 โรคที่ทำคนเสียชีวิตมานักต่อนัก อาการจะเริ่มด้วยมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไอ เมื่อเริ่มมีอาการควรให้นอนพักผ่อนให้มาก ๆ ดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมากควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวหรือกินยาลดไข้ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นมาเองภายใน 2-7 วัน แต่หากมีอาการไอมากขึ้นหรือมีไข้สูงเกิน 5 วันควรไปพบแพทย์
โรคหัด โรคฮิตในหมู่เด็กอายุ 1-6 ปี จะระบาดในช่วงฤดูหนาวต่อฤดูร้อน อาการจะเริ่มจากมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง หลังมีไข้ประมาณ 4 วัน จะมีผื่นขึ้น ไข้จะลดลงเมื่อผื่นกระจายทั่วตัว
หัดเยอรมัน เป็นได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็ก มีอาการไข้ ออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่ในบางรายอาจไม่มีผื่นขึ้น หากเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก อาจทำให้ทารกเกิดมาพิการได้
เราสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการใส่ใจในสุขอนามัย ทานอาหารต้านโรค ดูแลตัวเองให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลคนรอบตัว แค่ก็จะทำให้ห่างไกลโรคอันตรายเหล่านี้ได้แล้ว

ประมวลภาพในอดีต